











วันนี้ (2 มี.ค. 66) ดร.ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา และนายสมควร ต้นจาน ผอ.กองตรวจและเฝ้าระวังสภาวะอากาศ ร่วมประชุมคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ครั้งที่ 1/2566 และประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 1/2566) โดยมีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ร่วมกับการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้คณะกรรมการรับทราบความก้าวหน้าของงานที่สำคัญของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง โดยเฉพาะการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 4 ในวันที่ 5 เมษายน 2566 ณ เมืองเวียงจันทน์ สปป.ลาว ซึ่งจะมีสาระสำคัญ คือ การประกาศปฏิญญาเวียงจันทน์ ค.ศ. 2023 ซึ่งเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์เชิงนโยบายของประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ในการมุ่งเน้นการดำเนินงานตามพันธกรณีของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2538 โดยมีแนวคิดหลักในการเสริมสร้างนวัตกรรมและความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ประเทศคู่เจรจา หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาและหุ้นส่วนอื่น ๆ เพื่อความมั่นคงด้านน้ำและความยั่งยืนของลุ่มน้ำโขง โดยปฏิญญาเวียงจันทน์จะเป็นนโยบายสำหรับการดำเนินการของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงต่อไป
จากนั้นในเวลา 10.45 น. รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าสำหรับฤดูฝนที่จะมาถึงนี้ ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบ (ร่าง) มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 66 จำนวน 12 มาตรการ ซึ่ง สทนช. ได้นำผลจากการถอดบทเรียนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำฤดูฝน ปี 65 มาปรับปรุงให้เกิดความครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และให้เสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) พิจารณาโดยเร็วต่อไป รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการให้สอดคล้องกับมาตรการอย่างเคร่งครัด พร้อมกันนี้ ได้รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการตาม 10 มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 65/66 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ประกอบกับการลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำในทุกภูมิภาคของประเทศในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา พบว่า ทุกหน่วยงานได้ดำเนินการตามมาตรการที่วางไว้อย่างเคร่งครัดและร่วมมือกันปฏิบัติงานกันอย่างเต็มที่ ส่งผลให้สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำได้อย่างเป็นรูปธรรม บรรเทาปัญหาความเดือนร้อนให้ประชาชนเป็นอย่างมาก โดยได้กำชับให้หน่วยงานติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงต้องมีการวางแผนและเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำในทุกมิติ ทั้งน้ำแล้ง น้ำท่วมและคุณภาพน้ำ ไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน